LEARNING LOG 4
-🎈Thursday 29th August 2019🎈-
12:30 - 15:30 PM


วันนี้อาจารย์ให้ความรู้พวกเราเกี่ยวกับการสื่อสารกับผู้ปกครองเด็กปฐมวัยและมีกิจกรรมมาให้พวกเราทำอีก 3 กิจกรรมค่ะ
📌Vocabulary
- One - Way Communication การสื่อสารทางเดียว
- Two - Way Communication การสื่อสารสองทาง
- Verbal Communication การสื่อสารเชิงวัจนะภาษา
- Non - Verbal Communication การสื่อสารเชิงอวัจนะภาษา
- Personal Communication การสื่อสารส่วนบุคคล
- Intrapersonal Communication การสื่อสารระหว่างบุคคล
- Mass Communication การสื่อสารมวลชน
- Channel ช่องทางการสื่อสาร
- Clarity of audience ความสามารถของผู้รับสาร
- Clearly ความชัดเจน
📌ความหมายของการสื่อสา
การสื่อสาร (Communication)
คือ
กระบวน
การส่งข่าวสาร ข้อมูล จาก ผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร
มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสาร มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
โดยคาดหวังให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งต้องการ
การติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูล
ข่าวสาร ความรู้ ความคิด ทัศนคติ ทักษะ
และประสบการณ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารให้มีความเข้าใจ
ที่ตรงกันเพื่อนำไปสู่การดำรงชีวิตที่มีความสุข
📌รูปแบบของการสื่อสาร
♦ รูปแบบการสื่อสารของอริสโตเติล
(Aristotle’s
Model of Communication)
♦ รูปแบบการสื่อสารของลาล์สเวล
(Lasswell’s
Model of Communication)
♦ รูปแบบการสื่อสารของแชนนอนและวีเวอร์
(Shannon
& Weaver’s Model of Communication)
♦ รูปแบบการสื่อสารของออสกูดและชแรมม์
(C.E
Osgood and Willbur
Schramm’s )
♦ รูปแบบการสื่อสารของเบอร์โล
(Berlo’s
Model of Communication)
📌องค์ประกอบของการสื่อสาร
♦ ผู้ส่งข่าวสาร (Sender)
♦ ข้อมูลข่าวสาร (Message)
♦ สื่อในช่องทางการสื่อสาร (Media)
♦ ผู้รับข่าวสาร (Receivers)
♦ ความเข้าใจและการตอบสนอง
📌วัตถุประสงค์ของการสื่อสาร
♦ เพื่อแจ้งให้ทราบ หมายถึง การสื่อสารที่ผู้ส่งสารจะแจ้ง หรือบอกกล่าวข่าวสาร
ข้อมูล เหตุการณ์ ความคิด ความต้องการของตนให้ผู้รับได้ทราบ
♦ เพื่อสอนหรือให้การศึกษา หมายถึง
การสื่อสารที่มุ่งจะให้ผู้รับมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านองค์ความรู้ ความคิด
สติปัญญา
ฉะนั้นจึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนการสอนหรือการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการโดยเฉพาะ
♦ เพื่อสร้างความพอใจหรือให้ความบันเทิง หมายถึง
การสื่อสารที่มุ่งให้เกิดผลทางจิตใจหรืออารมณ์ ความรู้สึกแก่ผู้รับสาร
ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ส่งสารมีข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้รับสาร
และมีกลวิธีในการนำเสนอเป็นที่พอใจ
♦ เพื่อเสนอหรือชักจูงใจ มุ่งเน้นให้ผู้รับสารมีพฤติกรรมคล้อยตาม
หรือยอมรับปฏิบัติตาม
📌ประเภทของการสื่อสาร
ได้มีจำแนกประเภทของการสื่อสารไว้แตกต่างกันหลายลักษณะ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
ในที่นี้จะแสดงการจำแนกประเภทของการสื่อสาร โดยอาศัยเกณฑ์ในการจำแนกที่สำคัญ 3 ประการ คือ
➵ จำแนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร
➵ จำแนกตามภาษาสัญลักษณ์ที่แสดงออก
➵ จำแนกตามจำนวนผู้สื่อสาร
➵ จำแนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร
➵ จำแนกตามภาษาสัญลักษณ์ที่แสดงออก
➵ จำแนกตามจำนวนผู้สื่อสาร
📌ธรรมชาติและพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้ปกครอง
♦ ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้
♦ ผู้ปกครองมีความต้องการที่จะเรียนรู้
♦ ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุดในสิ่งที่เขาสนใจ
♦ การเรียนรู้จะมีความหมายที่สุดก็ต่อเมื่อเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวของผู้ปกครอง
♦ การมีอิสระในการเรียนรู้จะทำให้ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุด
♦ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้จากกันและกัน
♦ การให้ความรู้กับผู้ปกครองถือเป็นการให้ประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ปกครอง
📌ปัจจัยที่มีผลต่อการแสดงออกทางพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้ปกครอง
♦ ความพร้อม คือ
สภาพความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจที่จะเรียนรู้ โดยเตรียมความพร้อมในเรื่องดังนี้
พื้นฐานประสบการณ์เดิม สร้างความสนใจเห็นเห็นถึงความสำคัญของความรู้
ส่งเสริมความเชื่อมั่นในการเรียนรู้
♦ ความต้องการ
คือ ความต้องการให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข เช่น
ต้องการให้ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรง มีการศึกษาที่ดี
♦ อารมณ์และการปรับตัว
คือ
แนวโน้มที่จะปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มี 2 ประเภทคือ อารมณ์ทางบวก เช่น ดีใจ พอใจ ฯลฯ อารมณ์ทางลบ
เช่น โกรธ เสียใจ หงุดหงิด ซึ่งอารมณ์ทั้ง
2 นี้มีผลต่อการเรียนรู้
ดังนั้นควรปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุลพร้อมที่จะเรียนรู้
♦ การจูงใจ หมายถึง
การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เช่น
ต้องการรู้เพื่อแก้ปัญหาลูกหลาน ต้องการรู้เพื่อพัฒนาลูก
ต้องการรู้เพื่อให้ลูกเป็นคนดี
♦ การเสริมแรง คือ
การสร้างความพึงพอใจหลังการเรียนรู้ให้แก่ผู้ปกครอง เช่น คำชมเชย รางวัล ฯลฯ
♦ ทัศนคติและความสนใจ
คือ การที่บุคคลมีการตอบสนองและแสดงความรู้สึกต่อสิ่งเร้าต่างๆ เช่น
➵ จัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ทำให้ผู้ปกครองพอใจและสนุกกับการเรียนรู้
➵ ช่วงเวลาในการจัดให้ความรู้ ควรมีเวลาที่สะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม
♦ ความถนัด คือ
ความสามารถของบุคคลในการทำกิจกรรมให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
📌อุปสรรคที่สำคัญของการสื่อสาร
♦ ผู้ส่งข่าวสารขาดทักษะในการสื่อสารที่ดี
เช่นใช้ภาษาที่อยากแก่การเข้าใจ หรือไม่เหมาะแก่ผู้รับ
♦ ข้อมูลข่าวสารมากเกินไป
♦ ได้ข่าวสารไม่ครบสมบูรณ์
ทำให้สื่อความหมายผิดๆ
♦ ข้อมูลที่ส่งไปผ่านหลายขั้นตอน
♦ เลือกใช้เครื่องมือในการส่งข่าวสารไม่เหมาะสม
♦ รีบเร่งด่วนสรุปข่าวสารเร็วเกินไป
ขาดการไตร่ตรอง
♦ ผู้รับข่าวสารไม่ทบทวน
หรือสอบถามให้เข้าใจเมื่อสงสัย
♦ อารมณ์ของผู้รับ
หรือผู้ส่งอยู่ในสภาพไม่ปกติ
♦ ผู้ส่งหรือผู้รับมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
ไม่รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น
📌7c กับการสื่อสารที่ดี
♦ Credibility ความน่าเชื่อถือ :
สามารถทำให้ผู้รับสารเกิดความเชื่อถือในสารนั้น ๆ
♦ Content เนื้อหาสาระ :
มีสาระให้เกิดความพึงพอใจ
เร่งเร้าและชี้แนะให้เกิดการตัดสินใจได้ในลักษณะอย่างไรบ้าง
♦ Clearly ความชัดเจน :
การเลือกใช้คำหรือข้อความที่เข้าใจง่าย ๆ ข้อความไม่คลุมเครือ
♦ Context ความเหมาะสมกับโอกาส :
การเลือกใช้ภาษาและใช้สิ่งที่ส่งสารเหมาะสม
♦ Channel ช่องทางการส่งสาร :
การเลือกวิธีการส่งข่าวสารได้เหมาะสมและรวดเร็วที่สุด
♦ Continuity
consistency ความต่อเนื่องและแน่นอน
: การสื่อสารกระทำอย่างต่อเนื่องมีความแน่นอนถูกต้อง
♦ Clarity
of audience ความสามารถของผู้รับสาร
:
การเลือกใช้วิธีการส่งสารซึ่งมั่นใจว่าผู้รับสารจะสามารถรับสารได้ง่ายและสะดวกโดยคำนึงถึงความรู้
เจตคติ อุปนิสัย ทักษะการใช้ภาษา สังคมวัฒนธรรมของผู้รับสารเป็นสำคัญ
📌วิธีการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครอง
♦ ศึกษาและพยายามทำตนให้เข้าใจกับผู้ปกครอง
♦ พยายามเรียนรู้ความต้องการของเขา
และหาแนวทางตอบสนองตามความเหมาะสม
♦ พูดคุย พบปะกับผู้ปกครองในโอกาสต่างๆ
♦ หาโอกาสไปร่วมงานพิธีทางศาสนา
เข้าร่วมกิจกรรมกับผู้ปกครอง
♦ ทำตนให้กลมกลืนกับผู้ปกครอง
♦ มีท่าทีเป็นมิตรอยู่เสมอ
♦ เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองร่วมกิจกรรม
การสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพนับเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้งานการให้ความรู้ผู้ปกครองประสบผลสำเร็จ
ผู้ที่เป็นครูจะต้องทำความเข้าใจเรื่องการสื่อสารให้กระจ่างชัดเจน ประกอบกับการศึกษาธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครอง พฤติกรรมการเรียนรู้
เพื่อที่จะได้ทำการให้ความรู้ให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองได้ดีมีประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความศรัทธา
เชื่อมั่นและมีความอบอุ่นว่าสถานศึกษาจะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นก็ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง
บ้านโรงเรียน
ชุมชนและสังคมเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเด็กร่วมกัน
หลังจากนั้นอาจารย์ให้พวกเราทำกิจกรรมทั้งหมด 3 กิจกรรม เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการสื่อสาร ดังนี้
➽ เกมสื่อความหมาย
ใบ้คำโดยการทำท่าทางต่อกันไปเรื่อยๆ
โดยไม่ส่งเสียงหรือพูดอะไร นอกจากทำท่าทางอย่างเดียว ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ทีละคน
จนถึงคนสุดท้ายให้เพื่อนคนสุดท้ายทายว่าท่าทางที่ทำนั้นคืออะไร
➽ เกมพรายกระซิบ
คนแรกอ่านและจดจำประโยคแล้วกระซิบบอกต่อไปยังเพื่อนคนที่
2 คนที่
2 ไปคนที่ 3 ส่งต่อไป เรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย
แล้วคนสุดท้ายบอกประโยคที่ได้ยินมาว่าเป็นอะไร
➽ เกม ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่
อย่างไร กับใคร
จับกลุ่มให้ได้กลุ่มละ 6 คน โดยเรียงลำดับตามหมายเลย 1-6 คนที่
1 เขียน ใคร (สมมติมา 1 คนว่าเป็นใคร)
คนที่ 2 เขียน (เขียนทำอะไร กิริยาที่ทำอะไรก็ได้)
เขียนตามลำดับหมายเลขจนครบทุกคน แล้วนำประโยคของแต่ละหมายเลขมาอ่านเป็นประโยค
คำถามท้ายบท📚
① จงอธิบายความหมายและความสำคัญของการสื่อสารมาโดยสังเขป
ตอบ คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้รับและผู้ส่งเพื่อที่จะได้เกิดความเข้าใจข้อมูลกันทั้ง 2 ฝ่าย
② การสื่อสารมีความสำคัญอย่างไรกับผู้ปกครอง
ตอบ การที่ครูกับผู้ปกครองสื่อสารกัน นอกจากที่ครูจะได้รู้ว่าเด็กมีลักษณะอย่างไร การดำเนินชีสิตเป็นอย่างไร ผู้ปกครองก็ควรทราบด้วยว่าเมื่อลูกอยู่ที่โรงเรียนเป็นอย่างไร หากมีพฤติกรรมที่ดีจะได้หากิจกรรมที่สนับสนุนส่งเสริมให้ไปในทางที่ดี และพฤติกรรมใดที่เป็นไปทางลบจะได้หาทางแก้ไข
③ รูปแบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการให้ความรู้ผู้ปกครอง ควรเป็นรูปแบบใด จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ
④ ธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครองควรมีลักษณะอย่างไร
ตอบ ♦ ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้
_____________________________
♦ ผู้ปกครองมีความต้องการที่จะเรียนรู้
♦ ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุดในสิ่งที่เขาสนใจ
♦ การเรียนรู้จะมีความหมายที่สุดก็ต่อเมื่อเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวของผู้ปกครอง
♦ การมีอิสระในการเรียนรู้จะทำให้ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุด
♦ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้จากกันและกัน
♦ การให้ความรู้กับผู้ปกครองถือเป็นการให้ประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ปกครอง
⑤ ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนพฤติกรรมการเรียนรู้สำหรับผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก ประกอบด้วยปัจจันด้านใดบ้าง
ตอบ ♦ ความพร้อม คือ สภาพความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจที่จะเรียนรู้
♦ ความต้องการ คือ ความต้องการให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข
♦ อารมณ์และการปรับตัว คือ แนวโน้มที่จะปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มี 2 ประเภทคือ อารมณ์ทางบวก เช่น ดีใจ พอใจ ฯลฯ อารมณ์ทางลบ
♦ การจูงใจ หมายถึง การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เ
♦ การเสริมแรง คือ การสร้างความพึงพอใจหลังการเรียนรู้ให้แก่ผู้ปกครอง
♦ ทัศนคติและความสนใจ คือ การที่บุคคลมีการตอบสนองและแสดงความรู้สึกต่อสิ่งเร้าต่างๆ
♦ ความถนัด คือ ความสามารถของบุคคลในการทำกิจกรรมให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ASSESSMENT
Self - Assessment of student : ตั้งใจฟังที่อาจารย์ให้ความรู้ค่ะและมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมในห้องด้วยค่ะ
Member Assessment : เพื่อนๆมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมค่ะ
Teacher Assessment : อาจารย์มีกิจกรรมมาให้พวกเราทำ ทำให้รู้สึกไม่เบื่อค่ะ เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียนด้วยค่ะ